สาเหตุหลักของ สิว มักเกิดจากสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้วและร่างกายผลิตน้ำมันมากเกินไป จนไปอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นท่อระบายไขมัน ซึ่งการอุดตันดังกล่าวอาจก่อให้เกิดได้ทั้งการอักเสบและไม่อับเสบบนผิวได้ หากมีการอักเสบจะมีจุดแดง หนองเล็ก รอยบวมแดง นอกจากนี้สิวยังเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณที่ใบหน้า ลำคอและหนังศีรษะ (บริเวณที่มีต่อมไขมัน)
สนใจสร้างแบรนด์ครีมกับโรงงานผลิตครีมและสนใจดูข้อมูลกับโรงงานผลิตอาหารเสริมคลิกเพื่อดูรายละเอียดค่ะ
เมื่อเป็นสิวจะมีอาการอย่างไร?
อาการของสิวมักปรากฏที่ใบหน้าและมีการอักเสบขึ้นบนผิว ลักษณะของสิวที่เกิดขึ้นมักขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและการอักเสบของผิว เช่น สิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง เป็นต้น โดยระดับความรุนแรงของสิวมักเริ่มจากสิวอุดตันก่อน หากอักเสบรุนแรงจะกลายเป็นสิวหัวช้าง
บทความที่เกี่ยวกับ การเลือกซื้อครีมกันแดด นะคะสนใจกดเข้าไปอ่านเลย
ปัจจัยภายในที่ก่อให้เกิดสิวประกอบด้วย 4 Step
- ภาวะที่ร่างกายผลิตไขมันในผิวมากเกินไป (Seborrhea) จนทำให้เกิดการอุดตันบนรูขุมขน ซึ่งไขมันบนผิวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน สภาพอากาศ ยาบางชนิด พันธุกรรม การรับประทานที่มีไขมัน ขนมหวาน เป็นต้น
- ภาวะเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไปอุดตันรุขุมขน (Hyperkeratosis) เกิดจากผิวหนังชั้นนอกสุด (Stratum corneum) มีความหนาตัวขึ้นผิดปกติ เมื่อเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วผลัดตัว จะส่งผลรบกวนการไหลของน้ำมันออกมานอกผิวหนัง เกิดการอุดตันบนรูขุมขน
- ภาวะแบคทีเรียที่เจริญเติบโตอยู่บริเวณรูขุมขน (Propionibacterium acne) เป็นจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่บนผิวหน้าของคนเราแบบอิงอาศัย (commensalism) หากจุลินทรีย์ประเภทนี้ไปอุดตันรูขุมขน จะก่อให้เกิดการอักเสบและสิวหัวหนองขึ้น
- ภาวะการอักเสบของร่างกาย (Inflammation) ซึ่งทำให้เกิดสิวบวมแดงและอักเสบขึ้น ในกรณีที่เป็น สิวรุนแรง (Severe acne) การอักเสบจะขยายและลึกลงไปในบริเวณเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียงมากขึ้น
ปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดสิว
- ฮอร์โมน (Hormone) เกิดจากระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งฮอร์ดมนดังกล่าวไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตออกมาจำนวนมากบนผิว ร่างกายสร้างไขมันออกมามากเกินไป จนน้ำมันไปอุดตันรูขุมขน จนทำให้เกิดสิวอุดตัน
- อาหาร (Food) เกิดจากการรับประทาน อาหารมันๆ หรือของหวาน จนทำให้เกิดสิว แต่ปัจจัยนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน วิธีสังเกตง่ายควรเริ่มจาก หากทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ทำให้อาการสิวอักเสบแย่ลง ควรหลีกเลี่ยงหรือหยุดรับประทานอาหารชนิดนั้นๆ แล้วสังเกตว่าอาการสิวอักเสบดีขึ้นหรือไม่
- สกินแคร์ (Skin care) เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน จนไปอุดตันรูขุมขน ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน (oil-free) และควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าไม่ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ (noncomedogenic และ non-acnegenic) นอกจากนี้การใช้สเปรย์หรือเจลบำรุงเส้นผม อาจก่อให้เกิดสิวอักเสบได้ด้วยเช่นกัน
สิวอุดตันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- สิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวอุดตันหัวดำมองเห็นได้ชัดเป็นตุ่มนูนเล็กน้อยและมีจุดดำอยู่ตรงกลางหัวสิวสามารถบีบหรือกดให้ออกมากได้แต่จะทำให้เกิดการอักเสบและเป็นรอยสิวได้ภายหลัง
- สิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวอุดตันไม่มีหัวเป็นตุ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยและมีสีเดียวกับผิวหนังถ้าแกะหรือบีบจะทำให้ไขมันอุดตันไหลย้อนลงผิวหนังแล้วทำให้ผิวเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อหรืออักเสบได้
- สิวอุดตันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าสิวนี้เกิดขึ้นเองส่วนใหญ่เกิดขึ้นตอนช่วงเข้าสู่วัยรุ่นที่ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแอนโดนเจนทำให้ต่อมไขมันตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้แล้วหลั่งไขมันออกมาแต่สิวประเภทนี้จะหายเองไปตามธรรมชาติยกเว้นหากรุนแรงอาจทำให้เกิดสิวอื่นๆร่วมด้วย
บทความที่เกี่ยวกับ สารสกัดที่นิยมกับอาหารเสริมคุณผู้หญิง นะคะสนใจกดเข้าไปอ่านเลย
วิธีป้องกันสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวหนอง
- เลือกใช้สบู่โฟมหรือเจลที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าหากผิวหน้ามันต้องหลีกเลี่ยงสบู่ที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหน้าแห้งที่บอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกใช้สบู่สูตรอ่อนโยนหากเกิดสิวอุดตันในระยะไม่รุนแรงมาก แนะนำให้ใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบของกรดซาลิไซลิก (Salicylic)
- หากมีปัญหาความมันบนใบหน้าจะเสี่ยงปัญหาสิวอุดตันได้ง่ายแนะนำให้ใช้โลชั่นเช็ดทำความสะอาดหน้าหรืออาจรับประทานยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือกลุ่มยาคุมกำเนิดที่มีส่วนประกอบDian-35
- ห้ามใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม ครีมบำรุงผิวปราศจากน้ำมันและต้องไม่มีฮอร์โมนผสมด้วย
- ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF15เพราะเนื้อครีมกันแดดไม่มันเหนียวเหนอะหนะลดความมันบนใบหน้าได้
- หลีกเลี่ยงอาหารมันอาหารทอดไอศกรีมขนมหวาเพราะจัดอยู่ในกลุ่มทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย
- พักผ่อนให้เพียงพอเพราะความเครียดจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้เร็วเป็นสาเหตุของสิวอุดตัน
- อย่าบีบสิวเองเพราะจะทำให้สิวเกิดการอักเสบขึ้นมาได้
สารสกัดในสกินแคร์ที่ช่วยรักษาสิวได้
เมื่อสิวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว การดูแลตัวเองก็เป้นสิ่งสำคัญเช่นกันค่ะ บ่อยครั้งที่เมื่อคนเราเป็นสิวก็มักที่จะหันไปหาไอเทมกู้ผิวคุณภาพดีสักชิ้นไว้ทากลบสิวและบรรเทาอาการอักเสบให้มิด เลือนหายไปให้ได้ ซึ่งการรักษาสิวให้อาการอักเสบหายไปได้อย่างรวดเร็วนั่น ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สกินแคร์ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพผิว ปัญหาผิวแต่ละบุคคลมากที่สุดค่ะ ซึ่งเราจะมาแนะนำสารสกัดในสกินแคร์ที่ช่วยลดสิว กู้ผิวพังกันมาดูกันเลย
- Salicylic Acid หรืออีกชื่อที่หลายคนรู้จักว่า BHA ช่วยรักษาสิวอุดตันและรอยแผลจากสิวได้ โดยมีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนได้เป็นอย่างดี ทำให้หัวสิวแห้งไว แต่การใช้ BHA ในการผลัดเซลล์ผิวเก่านั้น ควรใช้ในปริมาณไม่เกิน 2% เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองจนเกินไป
- Tree Tea oil มีสาร Terpinene-4-ol ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวได้ โดยจะไปยับยั้งเชื้อสิว Propionibacterium Acnes ทำให้อาการสิวอักเสบบรรเทาลง นอกจากนี้ Tree Tea oil ยังช่วยลดความมันในรูขุมขน ทำให้ผิวหน้ามันน้อยลง การใช้ Tree Tea oil จะเหมาะสำหรับลดสิวหัวขาวสิวหัวดำ ทำให้อาการอักเสบลดลง
- Sulfur เป็นสารที่อยู่ในตัวยารักษาสิวแบบดั้งเดิม มีคุณสมบัติช่วยดูดซับความมันและสิ่งสกปรก ช่วยต้านเชื้อสิวได้ ทำให้หัวสิวสลายได้ สาร Sulfur มีฤทธิ์ทำให้หัวสิวแห้ง จึงควรเลือกใช้ในปริมาณที่ไม่เข้มข้นเกินไป เพื่อไม่ให้ผิวแห้งลอกตามมา
- Retinoid หรืออีกชื่อหนึ่งว่าวิตามินเอ เป็นส่วนผสมที่มักพบในยารักษาสิว มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดเซลล์ผิวใหม่ ลดสิวอุดตันบนผิวหน้าได้ การใช้ Retinoid ควรใช้ในปริมาณที่ไม่เข้มข้นมาก เพราะจะทำให้หน้าบาง
ควรใช้สกินแคร์รักษาสิวอย่างไร?
สารสกัดที่อยู่ในสกินแคร์รักษาสิวส่วนใหญ่ มักมีฤทธ์เป็นกรดอ่อน ที่ทำให้หัวสิวแห้งและสิวอุดตันลดลงได้ การเลือกใช้สกินแคร์รักษาสิวจึงควรใช้ในปริมาณที่ไม่เข้มข้นมาก ป้องกันผิวหน้าบางจนแพ้ นอกจากนี้ การเลือกใช้สกินแคร์ลดสิว ควรใช้ควบคู่ไปกับมอยเจอร์ไรเซอร์ ที่เติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น เพราะสกินแคร์รักษาสิวมักจะทำให้ผิวแห้งลอก ดังนั้นการใช้ครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ จะทำให้ผิวชุ่มชื้นและกระตุ้นให้เกิดการสร้างเกาะป้องกันผิวไปพร้อมกัน
ติดตามเรื่องดีๆเคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับอาหารเสริมได้ที่นี่ คลิก